เครื่อง aed คืออะไร AED มีกี่ประเภท ทำหน้าที่อะไร มีประโยชน์อย่างไร


AED เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (Automated External Defibrillator) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาชนิดหนึ่ง สามารถวินิจฉัยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้โดยอัตโนมัติ และสามารถให้การรักษาด้วยการช็อกไฟฟ้ากระตุกหัวใจได้โดยใช้กระแสไฟฟ้าหยุดรูปแบบการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะ เพื่อเปิดโอกาสให้หัวใจกลับมาเต้นใหม่ในจังหวะที่ถูกต้อง 

สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) รณรงค์อย่างต่อเนื่องถึงการเรียนรู้ขั้นตอนของห่วงโซ่การรอดชีวิต เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสการกู้ชีพให้ผู้ป่วยฉุกเฉิน หัวใจ หยุดเต้นฉียบพลันนอกโรงพยาบาล โดยสิ่งที่สำคัญของกระบวนการกู้ชีพ คือ การใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ หรือ AED ซึ่ง ขณะนี้ในประเทศไทยยังไม่มีการใช้อย่างแพร่หลาย ด้วยเพราะข้อจำกัดหลายประการ อาทิ อุปกรณ์ดังกล่าวมีราคาสูง แต่ถือเป็นโอกาสอันดีที่ สพฉ. ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานเอกชนจากหลายองค์กร บริจาคเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ จำนวนหนึ่ง ซึ่งขั้นตอนต่อไป สพฉ. จะนำเครื่องดังกล่าวไปติดตั้งให้กับหน่วยงานและพื้นที่สาธารณะต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด เพื่อรณรงค์ให้มีการติดตั้งเครื่องAED ในที่สาธารณะ ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันของผู้มาใช้บริการ 

ผู้เข้าให้การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินจะต้องตระหนักถึงหลัก “3H” คือ     

1 Hazard ก่อนการช่วยเหลือผู้ช่วยเหลือควรตรวจสอบอันตรายหรือภาวะเสี่ยงก่อนโดยจะต้องดูว่าบริเวณที่ผู้ป่วยอยู่นั้นมีอะไรอันตรายบ้างที่จะมีผลกระทบต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน    

2 Help คือการช่วยเหลือโดยโทรผ่านสายด่วน1669 พร้อมทั้งทำการปฐมพยาบาลตามคำแนะนำของผู้ปฏิบัติการทางการแพทย์ฉุกเฉิน    

3 Hello คือการเข้าไปปลุกเรียกผู้ป่วยฉุกเฉินซึ่งหากผู้ป่วยไม่ตอบสนองจากการช่วยเหลือตามแนวทางสาม H แล้วให้ผู้เข้าให้การช่วยเหลือทำการฟื้นคืนชีพทันทีและรีบนำเครื่อง AED เข้ามาช่วยในการฟื้นคืนชีพก็จะทำให้โอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้นได้ 

สำหรับเครื่อง AED เป็นเครื่องมือที่ใช้ระบบปฏิบัติการแบบอิเล็กทรอนิกส์พกพา ซึ่งประชาชนทั่วไปที่ได้รับการฝึกฝนการใช้ก็สามารถใช้เครื่องนี้ได้ ภายใต้คำแนะนำของผู้ปฏิบัติการทางการแพทย์ฉุกเฉินผ่านสายด่วน1669 โดยเมื่อมีการเปิดการใช้งานของเครื่อง AED เครื่อง ก็จะสามารถวินิจฉัยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้และสามารถให้การรักษาด้วยการช็อกไฟฟ้ากระตุกหัวใจได้โดยใช้กระแสไฟฟ้าหยุด รูปแบบการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะ เพื่อเปิดโอกาสให้หัวใจกลับมาเต้นใหม่ในจังหวะที่ถูกต้องได้ โดยการรักษานั้นระบบอิเล็กทรอนิกส์ในเครื่องจะออกคำสั่งให้เราเป็นผู้ปฏิบัติตามได้ 

คือเริ่มแรกผู้ที่ทำการช่วยเหลือจะต้องเปิดฝาเครื่อง AED และฉีกซองบรรจุอิเล็คโทรด โดยแผ่นอิเล็คโทรดจะมีอยู่ 2 ชิ้น คือ ชิ้นแรกจะต้องนำไปติดบนทรวงอกตอนบนของผู้ป่วยและแผ่นที่สองจะต้องติดบนผิวทรวงอกตอนล่างของผู้ป่วย จากนั้นเครื่อง AED จะ ทำการวิเคราะห์จังหวะการเต้นของหัวใจ ซึ่งขณะนี้ห้ามผู้ที่ช่วยเหลือสัมผัสตัวผู้ป่วยเด็ดขาด จากนั้นเมื่อเครื่องวินิจเสร็จเสร็จแล้วจะขึ้นสัญญาณให้ทำการช็อคไฟฟ้า ให้ผู้ช่วยเหลือกดที่ปุ่มช็อคตามสัญญาณที่ปรากฏอยู่บนตัวเครื่องและสลับกับการช่วยเหลือฟื้นคืนชีพผู้ป่วยหรือ CPR อย่างต่อเนื่อง จนกว่าเจ้าหน้าที่กู้ชีพจะมาถึงโดยการช่วยเหลือควรทำภายใน 3-5 นาที จะช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยฉุกเฉินได้มากขึ้น

การทำงานของเครื่อง  

เครื่อง AED คืออุปกรณ์การแพทย์แบบพกพาที่ช่วยผู้ป่วยที่เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จากความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าที่กระตุ้นให้หัวใจเต้นตามจังหวะปกติ โดยจะเข้าไปหยุดและแก้ไขความผิดปกติ และกระตุ้นให้หัวใจกลับมาเต้นเพื่อสูบฉีดโลหิตไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย เมื่อเริ่มใช้งาน เครื่องจะทำการอ่านและวิเคราะห์คลื่นไฟฟ้าหัวใจของผู้ป่วยว่าอยู่ในสภาวะใด จากนั้นจะแสดงผลให้ผู้ที่ช่วยเหลือทราบว่าต้องดำเนินการช่วยชีวิตแบบใด จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องกระตุ้นหัวใจด้วยไฟฟ้า 

เราใช้เครื่อง AED ในสถานการณ์ใด

แม้ว่าเครื่อง AED จะสามารถเพิ่มโอกาสรอดของผู้ป่วยได้มากกว่า 50% แต่เราก็ควรจะใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือมีความจำเป็นในกรณีดังต่อไปนี้ ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง แม้ว่าจะเขย่าตัวหรือเรียกชื่อ ผู้ป่วยมีอาการแน่นหน้าอก หรือเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจที่ไม่รู้สึกตัว หรือเข้าข่ายว่ามีอาการของโรคหัวใจกำเริบและหมดสติ ผู้ป่วยได้รับอุบัติเหตุจากการถูกไฟฟ้าช็อก และหมดสติ  

จาก 3 กรณีข้างต้น จึงจะเห็นว่าเครื่อง AED จะใช้ในผู้ป่วยที่หมดสติ หรือไม่รู้ตัว มีข้อบ่งชี้ถึงโรคหัวใจ หรือจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น หรือหยุดหายใจกะทันหัน หากมีอาการดังกล่าว ควรจะรีบเข้าช่วยเหลือโดยเร่งด่วนภายใน 4 นาที เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยฟื้นคืนชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง


Visitors: 20,647